ความหมายของคำว่า “กงเต๊ก” เกิดจากคำสองคำรวมกัน นั่นคือ คำว่า “กง” ที่แปลว่า “การกระทำ” ส่วนคำว่า “เต๊ก” นั้นแปลว่า “คุณธรรม” เมื่อนำมารวมคำกันแล้วสามารถแปลความได้ว่า “การกระทำที่มีคุณธรรม” ซึ่งหมายถึง การแสดงความเคารพและความกตัญญูกตเวทีของลูกหลานที่มีต่อผู้ล่วงลับด้วยการทำบุญอุทิศส่วนกุศล เพื่อสวดส่งวิญญาณของผู้ล่วงลับไปสู่สรวงสวรรค์นั่นเองค่ะ
สำหรับความเป็นมาของ “พิธีกงเต๊ก” นี้เกิดจากรากฐานของความเชื่อทั้ง 3 ความเชื่อด้วยกัน อันประกอบไปด้วย2 ศาสนา และ 1 ลัทธิ ได้แก่…
1. ศาสนาพุทธ (นิกายมหายาน) จะเน้นไปที่พระธรรมคำสอนและบทสวดต่าง ๆ แต่จะไม่มีพิธีกรรม
2. ศาสนาเต๋า เน้นไปที่ความสมดุลและพิธีกรรมที่สื่อความหมาย
3. ลัทธิขงจื๊อ เน้นไปที่ของไหว้และการแสดงออกถึงความกตัญญูของลูกหลานที่มีต่อผู้ล่วงลับ
ในปัจจุบันถึงแม้ว่าจะไม่ค่อยมีพิธีกงเต๊กให้เราได้เห็นกันบ่อยนัก เนื่องจากผู้ที่จะรับพิธีกงเต๊กได้นั้นต้องเป็นผู้ที่เสียชีวิตในช่วงอายุ 50 ปีขึ้นไป โดยเสียชีวิตตามธรรมชาติหรือโรคภัยไข้เจ็บ และแต่งงานมีลูกหลานแล้วเท่านั้น แต่งดเว้นการจัดพิธีนี้สำหรับผู้ที่เสียชีวิตก่อนวัยอันควร และเสียชีวิตแบบไม่ปกติอันเกิดจากอุบัติเหตุ ถูกฆาตกรรม หรือฆ่าตัวตาย ส่วนมากการจัดพิธีกงเต๊กนั้นจะมีการนิมนต์พระสงฆ์มาประกอบพิธี หรือจ้างบุคคลธรรมดาที่รับจ้างทำพิธีนี้ก็ได้เช่นกันค่ะ สำหรับพระสงฆ์ที่ประกอบพิธีนี้ในประเทศไทยเป็นคณะสงฆ์นิกายมหายานมีเพียงคณะสงฆ์นิกายจีน (พระจีน) กับคณะสงฆ์อนัมนิกาย (พระญวน) เท่านั้น
โดยทั่วไปแล้ว พิธีกงเต๊กจะจัดขึ้นในวันที่ 6 หลังจากสวดอภิธรรมศพตามพิธีของชาวพุทธ ซึ่งจะเริ่มทำพิธีกงเต๊กตั้งแต่ช่วงเช้าประมาณ 9 โมงเช้า ไปจนถึงเวลากลางคืน
สำหรับ “เครื่องแต่งกายของลูกหลานภายในงานพิธีกงเต๊ก” นั้นจะมีความแตกต่างกันไป โดยผู้ที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับผู้ล่วงลับ ลูกชายและลูกสาวของผู้วายชนม์ รวมไปถึงตั่วซุง (หลานชายคนแรกที่เกิดจากลูกชายคนโต จะถือว่าเป็นลูกคนสุดท้ายของผู้วายชนม์ด้วย) จะใส่ชุดที่ตัดเย็บด้วยผ้าดิบไว้ด้านในคลุมทับด้วยชุดที่ตัดเย็บจากผ้าปอหรือผ้ากระสอบ หรือที่เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “หมั่วซ่า” โดยจะมีสีหรือเครื่องหมายที่แสดงถึงความเกี่ยวข้องกับผู้ล่วงลับ ส่วนญาติพี่น้องและหลานคนอื่น ๆ จะแต่งกายด้วยผ้าดิบ
1. พระจีนเริ่มสวดเปิดมณฑลพิธี โดยอัญเชิญพระพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์ และเทพยดาฟ้าดินทั้งหลายมาสถิตเป็นสักขีพยานในการประกอบพิธี เพื่อให้เกิดความศักดิ์สิทธิ์และสิริมงคล
2. ส่งสารไปยมโลกด้วยม้าและนกกงเต๊ก โดยแจ้งข่าวการเสียชีวิตไปยังสวรรค์และปรโลก เพื่อบอกกล่าวขอเปิดทางให้ดวงวิญญาณเดินทางได้อย่างสะดวก
3. เชิญวิญญาณของผู้ล่วงลับมาร่วมพิธีชำระดวงวิญญาณ คือมีการนำห้องน้ำกงเต๊กมาวาง ซึ่งภายในห้องน้ำประกอบด้วยอ่างขาวใส่น้ำสะอาด และผ้าขนหนูสีขาว โดยขั้นแรก พระสงฆ์จะสวดเจริญพระพุทธมนต์เชิญดวงวิญญาณมาร่วมในพิธี และยกโคมวิญญาณมาให้พระท่านถือไว้ย้ายมาตั้งทางด้านหน้า เพื่อสวดเชิญดวงวิญญาณมาสถิตที่โคมวิญญาณที่แขวนเสื้อของผู้เสียชีวิตไว้ โดยลูกชายคนโตจะเป็นผู้มาเชิญกระถางธูปและลูกชายคนรองถือโคมวิญญาณไปยังห้องน้ำ เพื่อชำระดวงวิญญาณให้สะอาดก่อนเตรียมพร้อมสำหรับฟังพระสวดและรับของที่ลูกหลานเตรียมไว้ให้ที่ปะรำพิธี จากนั้นพระจะพาเดินกลับไปยังหน้าโต๊ะผู้ตายอีกครั้งเพื่อเชิญกระถางธูปกลับเข้าที่เป็นอันเสร็จพิธี หลังเสร็จพิธีก็จะให้ลูกสะใภ้ไปยกอ่างน้ำในห้องน้ำกงเต๊กไปเททิ้งตามธรรมเนียมจีนที่ลูกสะใภ้ต้องปรนนิบัติรับใช้พ่อแม่ของสามี แต่หากไม่มีลูกสะใภ้ก็จะให้ลูกสาวไปทำหน้าที่นี้แทน ซึ่งพิธีนี้มีความหมายที่สื่อถึงการชำระอกุศลกรรมของผู้เสียชีวิตที่อาจเผลอกระทำไว้ทั้งแบบตั้งใจและไม่ตั้งใจในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่
4. จัดพิธีไหว้บรรพบุรุษ เมื่อคนในครอบครัวเสียชีวิต ต้องจุดธูปแจ้งข่าวให้บรรพบุรุษรับทราบว่าลูกหลานของท่านถึงแก่กรรมแล้ว โดยจัดเตรียมอาหารไว้รอรับ และให้บรรพบุรุษเป็นพี่เลี้ยงในการเดินทางของดวงวิญญาณ ขั้นตอนนี้ถือเป็นการสอนให้ลูกหลานเคารพและกตัญญูรู้คุณบรรพบุรุษ
5. พิธีบูชาพระเจดีย์ ในพิธีนี้พระสงฆ์จะสวดมนต์นำดวงวิญญาณผู้ล่วงลับเดินเวียนประทักษิณรอบพระเจดีย์ แต่หากผู้ล่วงลับเป็นผู้หญิงให้ใช้สระอโนดาตหรือสระบัวแทน เพื่อเป็นการแสดงความเคารพบูชาพระเจดีย์และพระพุทธองค์ ซึ่งพระเจดีย์ในทางพุทธศาสนาถือว่าเป็นสังเวชนียสถาน หรือเป็นตัวแทนของพระบรมศาสดาเช่นเดียวกับพระพุทธ เราควรจึงกราบไหว้เคารพบูชา โดยความหมายของพิธีบูชาพระเจดีย์นี้คือ เป็นเครื่องเตือนใจให้พุทธศาสนิกชนระลึกถึงคุณงามความดีหรือพระคุณของพระรัตนตรัยและพระศาสดา เพื่อเจริญรอยตามพระพุทธองค์
6.พิธีการเดินข้ามสะพานกงเต๊ก เป็นการที่พระสงฆ์จีนพาดวงวิญญาณของผู้ล่วงลับมาส่งยังเขตแดนสวรรค์ โดยมีลูกหลานมาส่ง และเมื่อส่งดวงวิญญาณเสร็จก็ต้องเดินกลับ โดยทุกครั้งที่ข้ามสะพาน ลูกหลานทุกคนจะต้องโยนเหรียญสตางค์ลงในอ่างน้ำ ถือเป็นการสอนลูกหลานไปในตัวว่าเราไม่สามารถนำชื่อเสียง หรือทรัพย์สินเงินทองไปด้วยได้ และสิ่งที่ควรระวังมากที่สุดของพิธีนี้ก็คือ หากลูกหลานที่เป็นผู้หญิงคนไหนมีประจำเดือนห้ามข้ามสะพานเด็ดขาด แต่ให้เดินอ้อมสะพานแทน ส่วนการเรียงลำดับในการเดินข้ามสะพานนั้นจะเริ่มจากลูกชายคนโตเป็นหัวขบวนและเป็นคนถือกระถางธูป ส่วนลูกชายคนรองจะถือโคมวิญญาณ และลูกชายคนเล็กจะถือรูป จากนั้นตามด้วยลูกสะใภ้ และลูกสาว แล้วตามด้วยหลานใน (ลูกของลูกชาย) และหลานนอก (ลูกของลูกสาว) โดยเรียงตามลำดับอายุ แต่หากในพิธีมีตั่วซุง ก็จะได้เดินตามลูกชายคนเล็ก เพราะถือว่ามีศักดิ์และสิทธิ์เท่ากันเหมือนเป็นฝาแฝด
7. สวดส่งเทพ ส่งวิญญาณ และถวายเครื่องกระดาษ การถวายเครื่องกระดาษนี้จะเป็นการเผากระกระดาษเงินกระดาษทองให้แก่ผู้วายชนม์ ไม่ว่าจะเป็นบ้านพร้อมที่ดิน เฟอร์นิเจอร์ต่างๆ เงินทอง คนรับใช้พร้อมตั้งชื่อให้ เพื่อเป็นการแสดงความกตัญญู ซึ่งอาจจะเผาหลังจากทำพิธีกงเต๊กเสร็จ หรือจะเผาในวันรุ่งขึ้นไปพร้อมๆ กับการฌาปนกิจ หรือการเดินทางไปฝังที่ฮวงซุ้ยก็ได้ เป็นอันเสร็จสิ้นพิธีกงเต๊ก
Cr. www.wreathmala.com/www.lewreath.com/ romdee.net/LINE TV
#กงเต็ก #งานศพ #จีน #สุสาน #ฮวงซุ้ย #ฮวงจุ้ย #พิธีกงเต็ก
ล่าสุด