ยูไลหรือหรูไหล คือ คำเรียกพระพุทธเจ้า โดยไม่ได้ระบุพระองค์ว่าเป็นพระองค์ใด ทั้งนี้ตามความเชื่อของ พุทธศาสนา เชื่อว่า มีพระพุทธเจ้าหลายพระองค์ ดังนั้น พระยูไล จึงมีหลายพระองค์ โดยแต่ละพระองค์ก็จะมีชื่อ “ยูไล” ต่อท้ายพระนามของพระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ และนอกจากคำว่ายูไลแล้ว ยังมีคำที่พระพุทธเจ้าใช้เรียกแทนตัวเองอีก 9 ชื่อ ซึ่งถูกบันทึกไว้อยู่ในคัมภีร์พุทธะวจนะสิบพระนาม คือ อิงกง หมิงสิงจู๋ ซ่านซื่อ ซื่อเจียนเจี่ย อู๋ซ่างซื่อ เตี้ยวอวี้จ้างฟู เทียนเหรินซือ ซื่อจุน เจิ้งเติ่งเจวี๋ย
พุทธลักษณะของพระยูไลมักอยู่ในปางประทับนั่งบนบัลลังค์ดอกบัว พระพักตร์เปี่ยมไปด้วยพระเมตตา ด้านหลังของพระองค์มักสร้างเป็นรูปประกายรัศมีหรือประภามณฑล (คล้ายเปลวไฟ) บางครั้งจะวาดให้มีประกายรัศมีดุจดั่งดวงอาทิตย์ บนพระอุระจะมีสัญลักษณ์ “สวัสติกะ” หรือ “ว่าน” อันเป็นสัญลักษณ์แห่งความสุขสวัสดีและเครื่องหมายประจำพระพุทธศานาฝ่ายมหายาน ในตำนานเรื่องเล่าขานเกี่ยวกับพระยูไล มักมีประติมากรรมเป็นรูปฝ่าพระหัตถ์ของพระยูไล เรียกกันว่า ฝ่ามือยูไล หรือยูไลเสินจ่าง ความหมายของคำๆ นี้มาจากตำนานเรื่องไซอิ๋ว ที่เล่าถึงเห้งเจีย (ซุนหงอคง) ผู้เก่งกาจสามารถ ซึ่งแม้แต่กองทัพสวรรค์นับหมื่นก็ไม่อาจเอาชนะได้ แต่เพราะความทระนงของซุนหงอคงที่อาจหาญมาพนันขันต่อกับพระยูไล โดยประกาศว่าสามารถเหาะเหินได้ไกลหลายพันลี้ และสามารถกระโดดข้ามพ้นฝ่าพระหัตถ์ขององค์พระยูไลได้อย่างง่ายดาย แต่ท้ายที่สุดแล้ว ไม่ว่าซุนหงอคงจะกระโดดไกลเพียงใด เหาะเหินไปมาเพียงไหน ก็ยังไม่อาจก้าวข้ามพ้นภูเขา 5 ยอดสูงที่อยู่เบื้องหน้าได้ ซึ่งภูเขาห้ายอดนั้น แท้ที่จริงแล้วก็คือฝ่าพระหัตถ์ขององค์พระยูไลนั่นเอง ผลจากการพ่ายแพ้นี้ ทำให้ซุนหงอคงต้องถูกทับอยู่ใต้เบื้องภูเขา 5 ยอดนั้น ซึ่งเรียกกันว่า ภูเขาอู่จื่อซาน นานถึง 500 ปี จากเหตุการณ์ในตำนานนี้จึงเป็นที่มาของคำว่า หรูไหลเสินจ่าง หรือ ฝ่ามือยูไล ซึ่งเป็นเสมือนรูปเคารพที่เป็นคติเตือนใจ ไม่ให้มีความทระนงหรือยิ่งยะโสในตัวเอง
Cr. chinatalks.co
ล่าสุด